สูตรแกงเนื้อพริกขี้หนูกะทิสด หอมเข้มข้นเผ็ดร้อน หวานมัน

สูตรอาหาร

สวัสดีจ้าเพื่อน วันนนี้เรามาเข้าครัวทำอาหารช่วงเวลาที่ใครบ้างคนต้องกักตัวอยู่ที่บ้าน ไม่ได้ออกไปไหนเรามาลองเข้าครั้วทำอาหารทาานเองบ้างจัได้มีอะไรทำไม่เบื่อจนเกินไป วันนี้เรามีสูตร

แกงปักษ์ใต้ที่ดูละม้ายคล้ายกับแกงเขียวหวาน ต่างกันตรงที่แกงเนื้อพริกขี้หนูใส่ขมิ้นและไม่ใส่ลูกผักชีและเม็ดยี่หร่าในพริกแกงค่ะ โรยหน้าด้วยพริกขี้หนูสวนเม็ดเล็กเพื่อเพิ่มความเผ็ดร้อนแบบทางใต้ เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่พริกแกงที่โขลกเองและใช้กะทิสด ใช้เนื้อดีๆนุ่มๆติดมัน ก็จะทำให้แกงของเราหอมเข้มข้นเผ้ดร้อน หวานมันกะทิ อร่อยถูกปาก ถูกใจแบบไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่มเติมมากมายก็หรอยแรงแล้วค่ะ

สิ่งที่ต้องเตรียม

1.เนื้อติดมัน (ที่ทำใช้เนื้อโคขุนค่ะถ้าเนื้อดีๆก็ไม่ต้องเคี่ยวนาน)

2.กะทิ (หัวและหาง ถ้าเป็นกะทิสดจะหอมหวานอร่อยเข้มข้นกว่าเป็นกล่องค่ะ )

3.น้ำตาลมะพร้าวหรือน้ำตาลโตนด

4.พริกขี้หนูสวนเป็นเม็ดทั้งขั้ว

5.ใบโหระพา

เครื่องพริกแกง

1.ตะไคร้

3.ผิวมะกรูด (พอประมาณอย่าใส่มากนะคะจะขม)

3.ข่า

4.พริกไทยเม็ด

5.กะปิ

6.พริกขี้หนูสด

7.กระเทียมไทยกลีบเล็ก

8.ขมิ้น

9.หอมแดง

10.เกลือ

(จะสังเกตุว่าจะไม่ใส่ลูกผักชีและเม็ดยี่หร่าเหมือนแกงเขียวหวานนะคะ)

วิธีทำ

1.โขลกเครื่องแกงพักไว้

2.เคี่ยวเนื้อกับหางกะทิและเกลือใช้ไฟอ่อนจนเนื้อนิ่มเหลือน้ำพอขลุกขลิก (จริงๆถ้าเนื้อดีๆนุ่มๆไม่ต้องเคี่ยวนานค่ะ ที่ทำไม่ได้เคี่ยวนะคะเอามาผัดเลยใช้เนื้อโคขุนค่ะ)

3.เวลาทำแกงแบบนี้ต้องต้องเอาหัวกะทิมาเคี่ยวๆให้แตกมันก่อนค่ะแล้วค่อยใส่พริกแกงลงไปผัด จนน้ำพริกแกงจนหอมได้ที่ แล้วเทเนื้อที่เคี่ยวแล้วลงผัดให้เข้ากัน

4.เติมหางกะทิลงไปพอประมาณแกงอย่าให้น้ำเยอะนะคะจะได้แกงที่เข้มข้น

5.ชิมก่อนปรุงรสนะคะ เพราะเวลาเราตำเครื่องแกงมีใส่กะปิและเกลือลงไปแล้ว แล้วค่อยเพิ่มด้วยปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลมะพร้าว เกลือ เมื่อชิมได้รสตามใจและเนื้อนุ่มได้ที่แล้ว ใส่มะเขือเปราะ มะเขือพวง ใส่ใบโหระพาและโรยด้วยพริกขี้หนู (ชอบใส่พริกขี้หนูใส่ทั้งก้านค่ะ)

เสร็จแล้วจ้า ตักข้าวสวยร้อนๆไวรอกันได้เลยนะ ใครชอบทานอาหารปักใต้รับรองว่าเมนูแซบถูกปากอย่างแน่นอน ใครที่ไม่ชอบรดจัดมากก็ลดประมาณของพริกลงไปบ้างก็ได้น่า เป็นยังไงกันบ้างค่ะเพื่อนลองทำทานกันได้ เป็นเมนูที่ทานกับข้าวร้อนๆบอกได้เลยว่าอร่อยมากๆ ส่วนถ้าใครไม่ทานเนื้อก็สามารถเปลี่ยนเป็น หมู ไก่ ก็ไม่ผิดแต่อย่างใด ส่วนใครชอบรสชาติแบบไหนก็สามารถปรับเปลี่ยนเครื่องปรุงได้เช่นกัน

ภาพและสูตรจากคุณ : Karuna Lo

เครดดิตที่มา : kubkhao.com

เรียบเรียงโดย : สาระบทความ