วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เดินทางไปพูดคุยกับนายหม่อง (นามสมมติ) อายุ 42 ปี พยานคดีน้องชมพู่ ซึ่งเป็นการพูดคุยครั้งแรก เนื่องจากนายหม่องมีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับคดี และได้ให้ปากคำกับตำรวจกองปราบปรามเพียงครั้งเดียว และไม่เคยให้ปากคำซ้ำ ซึ่งหลังจากนั้นก็เก็บตัวมาตลอด
นายหม่อง ยอมเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตำรวจได้เชิญตนไปสอบสวน เพราะลุงพลไปให้การว่าได้เจอกับตนในช่วงวันที่ 11 พ.ค.63 ที่ผ่านมา ขณะลุงพลกำลังออกค้นหาน้องชมพู่ในช่วงบ่าย บริเวณหลังสวนยางลุงฮง ใกล้ ๆ กับห้วยบุ่ง แต่ตนยืนยันว่าในวันนั้นไม่ได้เจอกับลุงพล โดยย้อนกลับไปในวันที่ 11 พ.ค.63 ตนกลับจากสวนยางไปถึงบ้าน เวลาก็เกือบ ๆ 11.00 น. และทราบข่าวว่าน้องชมพู่หายตัวไป ตนจึงขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปจอดที่บ้านน้องชมพู่ และเดินหาที่บริเวณสวนยางหลังบ้านน้องชมพู่จนถึงเวลา 12.00 น. ก็กลับมากินข้าวที่บ้าน
หลังกินข้าวเสร็จก็ออกเดินตามหาน้องชมพู่อีกครั้งในช่วงบ่ายจนถึงเวลา 16.00 น. โดยครั้งนี้ได้ออกตามหากันหลายคนมาก ๆ ซึ่งมีทั้งชาวบ้านกกกอกและชาวบ้านกกตูมออกเดินตามหาที่บริเวณหลังสวนยางลุงฮงจนถึงห้วยบุ่งและเดินวนไปมาแถวบ้านพ่อแบม เดินตะโกนหาน้องชมพู่ ซึ่งตนจำไม่ได้ว่าเป็นชาวบ้านกกตูมคนไหนบ้าง
ภาพจาก Amarin tv
แต่ตนยืนยันได้ว่าตนไม่เจอลุงพล เพราะถ้าเจอตนจะจำลุงพลได้แน่นอน เนื่องจากเป็นคนหมู่บ้านเดียวกันและเคยเห็นหน้ากันมาก่อน ตนก็ให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ไปตามตรงว่าตนไม่เจอลุงพล แม้ว่าลุงพลจะแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าเจอตน และตนได้นำโทรศัพท์ของตัวเองให้ตำรวจไปตรวจสอบว่า ตนไปอยู่ที่ไหนบ้างในวันที่ 11 พ.ค.63
ในวันที่ 12 พ.ค.63 ตนเริ่มออกหาตั้งแต่ตีนเขาภูเหล็กไฟ เดินไปทางโรงเรียนกกกอกตั้งแต่เช้าจนถึงบ่ายโมง และในวันที่ 13 พ.ค.63 ตนออกตามหาตั้งแต่ห้วยบางทรายไปจนถึงห้วยบุ่ง
ภาพจาก Amarin tv
ในวันที่ 14 พ.ค.63 ตนก็ออกตามหาที่ห้วยกะซะ ที่หมู่บ้านกกตูม ตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย ๆ ก็กลับไปบ้านเก็บเศษยางที่สวนยาง ซึ่งการออกค้นหาทั้ง 4 วัน ตนไม่ได้เจอกับลุงพลเลย เพราะเขาไม่ได้ไปกับกลุ่มตน และตนก็ไม่รู้ว่าเขาเจอตนเมื่อไร
อย่างไรก็ตาม ตนได้ให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปหมดแล้ว และตนไม่พร้อมที่จะไปพูดคุยกับทนายษิทรา หรือเป็นพยานให้ลุงพล เพราะตนคงกลับคำไม่ได้ เนื่องจากตนได้พูดอย่างตรงไปตรงมาแล้วว่าไม่เห็นก็คือไม่เห็น
ภาพจาก Amarin tv
คลิป
ขอบคุณ Amarin tv